คำสั่งคำร้องที่ 1934/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ได้นำเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยไปวาง ณสำนักงานวางทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามผู้เป็นเจ้าหนี้โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งสามบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ และจำเลยที่ 3ได้แถลงว่าตนยอมสละสิทธิที่จะถอน เป็นการวางทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามผู้เป็นเจ้าหนี้ แล้ว จำเลยที่ 3 ย่อมหลุดพ้นจากนี้ตามเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 331 อันเป็นหนี้ที่ได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับ

ย่อยาว

ความว่า จำเลยที่ 3 ได้นำเงินตามเช็คไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์รวมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี และได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานขอสละสิทธิถอนการวางทรัพย์ทั้งหมดไว้แล้ว ถือว่าคดีเลิกกัน โปรดงดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

หมายเหตุ ทนายโจทก์ทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้วในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาและแถลงคัดค้านปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา (อันดับ 83)

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นสั่งพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ในสำนวนหลังว่า โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3 ตามลำดับ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอย่างมาก ปรานีลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 3 สำนวนละ 8 เดือน ฯลฯ

จำเลยที่ 3 ฎีกา (อันดับ 71 แผ่นที่ 2)

ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จส่งไปศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟัง ก่อนอ่านจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้งดการอ่าน (อันดับ 72) ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ถึงวันนัดผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งสามแถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป (อันดับ 75)

ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้อง (อันดับ 76)

ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ก่อนอ่านจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 79) สำเนาให้ทนายโจทก์ทั้งสาม ทนายโจทก์ทั้งสามแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาโดยให้ส่งสำนวนและคำพิพากษากลับคืนศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามคำร้องของจำเลยที่ 3 และคำคัดค้านของทนายโจทก์ (อันดับ 83)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 3 ได้นำเงินตามเช็คทั้งสองจำนวนพร้อมด้วยดอกเบี้ยไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามผู้เป็นเจ้าหนี้ โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งสามบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ และจำเลยที่ 3 ได้แถลงต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางว่าตนยอมสละสิทธิที่จะถอน โจทก์ทั้งสามคัดค้านเพียงว่า ศาลฎีกาเคยมีคำสั่งว่าหนี้ตามเช็คยังไม่สิ้นผลผูกพันโดยเด็ดขาด คดีจึงยังไม่เลิกกันโดยมิได้โต้แย้งการวางทรัพย์ดังกล่าว คดีจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้วางทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามผู้เป็นเจ้าหนี้ด้วยจำเลยที่ 3 ย่อมหลุดพ้นจากหนี้ตามเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 331 อันเป็นหนี้ที่ได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับ ให้จำหน่ายคดี

Share