คำสั่งคำร้องที่ 1875/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย ทุกข้อเป็นการโต้แย้งการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์พิพาท ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ทั้งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่ง พิพากษาคดีนี้ก็มีคำสั่งว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง ดังกล่าว จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยที่ 2 และที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใดหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ซึ่งปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวนี้เป็นสาระสำคัญแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ข้อกฎหมายของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 120,467 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 93,101)
จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงยื่นอุทธรณ์ (คำร้อง) นี้โดยเสียค่าขึ้นศาล (ควรจะเป็นค่าคำร้อง) มา 200 บาท และศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่า ผู้ฎีกายื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาเกินกำหนด 15 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ให้ส่งสำนวน ไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 103)
อนึ่งในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จำเลยไม่ได้นำเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมหรือหาประกันมาวางศาล แต่ศาลได้ทำการยึดทรัพย์สิน ของจำเลยไว้แล้ว (อันดับ 73)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับรองให้จำเลยทั้งสามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 แล้วศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสามทุกข้อในวันเดียวกันโดยแยกจดคำสั่งดังกล่าวไว้ ในรายงานกระบวนพิจารณาอีกฉบับหนึ่ง แม้ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยมิได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวในรายงาน กระบวนพิจารณาอีกฉบับหนึ่งนั้น แต่เมื่อจำเลยที่ 2และที่ 3 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2535 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้บรรยายมาในคำร้องนั้นว่าเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์และมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งหมด จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3ได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาในวันที่ 15 มิถุนายน 2535 ล่วงพ้นกำหนดเวลาสิบห้าวัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ทั้งจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้วางเงินหรือหาประกันสำหรับหนี้ที่จะต้องชำระตาม คำพิพากษา อีกด้วย คำร้อง ของ จำเลยที่ 2 และที่ 3จึงมิชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ประกอบด้วย มาตรา 247 ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ คืนค่าคำร้อง ที่เกินมา 160 บาท ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3

Share