คำสั่งคำร้องที่ 1856/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า การทุเลาการบังคับคดีเป็นอำนาจเฉพาะศาลที่พิจารณาคดีนั้นเป็นชั้น ๆ ไป คดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงต้องห้ามฎีกา จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า โจทก์ได้ฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งรับหลักประกันของจำเลยว่ามิได้เป็นไปตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งสั่งแทนศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาคำสั่งนี้ต่อศาลฎีกาได้ทั้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์ก็เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาซึ่งไม่ต้องห้ามฎีกาอีกเช่นกัน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าคำร้อง 40 บาท
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเวลา 5 ปีมาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง จำเลยได้เสนอที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เนื้อที่ 28 ไร่ 3 งาน50 ตารางวา เป็นประกัน โจทก์แถลงว่าที่ดินแปลงนี้ราคายังต่ำไปศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้รับที่ดินแปลงดังกล่าวไว้เป็นหลักประกัน
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันมาวางให้เพียงพอ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 48)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับหลักประกันของจำเลยเป็นการกระทำแทนศาลอุทธรณ์ในชั้นขอทุเลาการบังคับซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ดังนี้โจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันมาวางให้เพียงพออีกหาได้ไม่เพราะการขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 เป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษไม่อยู่ในบังคับแห่งการอุทธรณ์ฎีกาอย่างเรื่องอื่น ๆ กล่าวคือ ถ้าเป็นเรื่องการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ก็อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share