แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับฎีกาจำเลยจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลมีคำพิพากษาในเหตุที่เป็นข้อสงสัยจำเลยควรได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นคุณ และผู้เสียหายไม่มีอำนาจดำเนินคดีนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 ฯลฯ จำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 3)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 5)
ไม่ปรากฏใบแต่งทนายจำเลยในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา
คำสั่ง
คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยในประการแรกที่ว่าพยานโจทก์ไม่แน่ชัด เป็นที่น่าสงสัย ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยในประการหลังที่ว่าบิดาผู้เสียหายได้ตกลงไม่เอาความเป็นการยอมความนั้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยมิใช่ความผิดอันยอมความกันได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยโดยอ้างว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมดนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล คำร้องของจำเลยฟังไม่ขึ้น ให้ยกคำร้อง