คำสั่งคำร้องที่ 1804/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกา ฎีกาข้อกฎหมายตามที่จำเลยอ้าง ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจึงไม่รับฎีกาจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้ จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะสภาพแห่งข้อหาไม่ชัดแจ้ง และฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ได้ วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยคดีโดยฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวน เป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และฎีกาที่ว่า ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่นั่งพิจารณาคดีได้รับรองอุทธรณ์จำเลยว่ามีเหตุอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคแรก การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีนี้ต้องห้ามมิให้ อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงเป็นการวินิจฉัยและพิพากษา โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 102,104) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 42,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2532 จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องคิดให้ไม่เกิน 8,037.50 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 94) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดี ในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จำเลยจะอุทธรณ์ ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง แล้ว ดังนั้นปัญหาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับ วินิจฉัยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงของจำเลย และการที่ศาลอุทธรณ์ ไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อ เป็นการชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ รวมทั้งปัญหา ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จากศาลฎีกา ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

Share