แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีอาญา แม้ข้อที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่เมื่อเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวมจำคุก 2 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ส่วนคำขอของโจทก์ในคดีที่สองที่ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโจทก์ ในคดีแรกนั้น เมื่อศาลรวมพิจารณาคดีเข้าด้วยกันและมี คำพิพากษารวมในคดีเดียวกันแล้ว จึงไม่นับโทษต่อให้
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพไว้แล้ว และเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งมิได้ว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย มีเหตุสมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงและเป็นสาระแก่คดีอันทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงในชั้นฎีกา ขอศาลฎีกาได้โปรดรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “แม้ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”