แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาคำสั่ง มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 74)
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 492,783.67 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 444,033.30 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา แต่จำเลยไม่นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยทิ้งคำร้องจึงมีคำสั่งให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด 1 เดือน จึงไม่รับ
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า กรณีนี้จำเลยจะต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนด 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสุดท้าย แต่จำเลยยื่นเกินกำหนดที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยในผล ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเสีย
จำเลยฎีกาคำสั่ง พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 68,69)
คำสั่ง
ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าหลักทรัพย์ที่จำนองเป็นหลักประกันเพียงพอกับจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปี ของต้นเงินตามคำพิพากษาดังกล่าวนับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนถึงวันทราบคำสั่งนี้และต่อไปอีก 1 ปี ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา หากเห็นว่าไม่เพียงพอก็ให้หาหลักประกันมาเพิ่มให้เพียงพอภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควร มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง