แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าบุตรของโจทก์ซึ่งเกิดกับสามีคนที่ 2 ทั้ง 5 คน ต่างก็ประกอบอาชีพมีรายได้ทุกคน โดยเฉพาะนายสมนึกประกอบอาชีพช่างเครื่องยนต์มีรายได้เดือนละประมาณ 5,000 ถึง 6,000 บาท และบุตรก็ส่งเงินมาให้โจทก์ใช้สอยอยู่เป็นประจำเกือบทุกเดือน ประกอบกับเงินค่าขึ้นศาลก็มีเพียงจำนวนเล็กน้อยโจทก์สามารถขอให้บุตรทั้ง 5 คนช่วยเหลือได้ โจทก์มิได้ยากจนจริง จึงให้ยกคำร้องของโจทก์หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายใน 15 วัน
โจทก์เห็นว่า ตามทางไต่สวนรับฟังได้ว่า ปัจจุบันโจทก์ไม่มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเองต้องพักอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน โจทก์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการรับจ้างรายวัน และจากการช่วยเหลือของเพื่อนบ้านมีรายได้เพียงพอเพื่อซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นประจำวันเท่านั้นและบุตรของโจทก์ก็ไม่มีรายได้พอที่จะช่วยเหลือโจทก์ได้ ซึ่งในการวางเงินเป็นค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาล โจทก์ได้ขอให้บุตรช่วยเหลือแล้วแต่บุตรของโจทก์ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ โปรดมีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 66)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1372,1373 และ 1405เป็นของโจทก์ ให้จำเลยส่งมอบแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1372,1373 และ 1405 หรือเพิกถอนชื่อของนางทองใบ เข็มทอง และจำเลยที่ 2 ออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว แล้วใส่ชื่อของโจทก์ลงไว้แทนหากไม่สามารถกระทำได้ให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสามแปลงให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 46,45,61)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามทางไต่สวนยังไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ให้ยกคำร้องหากโจทก์ประสงค์ที่จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 1 เดือน นับแต่วันทราบคำสั่ง