คำสั่งคำร้องที่ 1801/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาปัญหาว่า โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมไม่อาจใช้สิทธิของตนโดยลำพังในการฟ้องคดีนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 วรรคแรก ฎีกาปัญหาว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่าธรรมดาหรือไม่ สัญญาเช่าสิ้นสุดลงหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละห้าพันบาทและจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสอง จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 3(1) เรื่องอำนาจฟ้องถ้าศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วเห็นว่าที่ดินพิพาทมิใช่กรรมสิทธิ์รวมดังจำเลยฎีกา ทำให้โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1359 ได้ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นปัญหาสำคัญอันเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ส่วนฎีกาในปัญหาที่ว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาหรือไม่ สัญญาเช่าสิ้นสุดลงหรือไม่นั้น จำเลยเห็นว่าคดีนี้จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์ผิดสัญญาอันมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ต้องใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยเป็นเงิน 72,000 บาทจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่า 50,000 บาท ไม่ต้องอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดที่ 40443 และโฉนดที่ 4896 ตำบลคลองตัน อำเภอบ้านแพ้วจังหวัดสมุทรสาคร ที่จำเลยเช่าจากโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายปีละ 1,500 บาท นับแต่วันที่ 18 มกราคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินโจทก์ คำขอนอกจากนี้และฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 4)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 7)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาในข้อ 3(1) ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่ง ไม่อาจใช้สิทธิโดยลำพังฟ้องคดีขับไล่จำเลยได้นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาต่างตอบแทนนั้นเมื่อศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องของโจทก์ว่า เป็นสัญญาเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่า จำเลยฎีกาโต้เถียงในประเด็นสำคัญที่ว่า มิใช่สัญญาเช่าธรรมดา เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share