คำสั่งคำร้องที่ 1795/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าฎีกาข้อ 2.11และ 2.1.2 ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น และมิใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ส่วนฎีกาข้อ 2.2 คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ มีทุนทรัพย์ 100,000 บาท ซึ่งขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ยังคงใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งฉบับเก่าอยู่ และฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทนเป็นเงิน100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 31 มกราคม 2535) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 84)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 86)

คำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลฎีการับวินิจฉัยคำร้องของ จำเลยไม่ได้ จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย

Share