แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ทั้งไม่ได้รับรองให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6
จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า การกระทำของจำเลยในคดีนี้จำเลยทั้งหมด มีเจตนาเพียงเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 7 ให้มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้นมิได้มีเจตนาที่จะก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือทางราชการ แต่อย่างใด เป็นปัญหาสำคัญที่ยังไม่มีแนวคำพิพากษา ของศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐาน และจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เพื่อให้โอกาส จำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 39)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งเจ็ดมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 50 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ด เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร์ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษ ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน คำขอนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ฎีกา ศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 34)
จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 มีกำหนดคนละ 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน การที่จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 มีเจตนาเพียงเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 7 ให้มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น มิได้มีเจตนาที่จะ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือต่อทางราชการแต่อย่างใด และการที่จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6ชอบแล้วให้ยกคำร้องของ จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6