คำสั่งคำร้องที่ 1767/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงไม่รับ คืน ค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหา ข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินค่าที่ดิน และค่าก่อสร้างพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 4 มกราคม 2532 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 122,250 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 120,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 181)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 183)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้เถียง การใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยพยานหลักฐานของ ศาลอุทธรณ์ที่รับฟังว่า สัญญาเอกสารหมาย จ.2, จ.3 ได้ทำขึ้นเป็นหลักฐานประกอบการขอกู้เงินจาก ธนาคารของนายปรีชาสามีโจทก์ โดยคู่กรณีมิได้มุ่งหมายที่จะบังคับตามสัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าว สัญญาเอกสารหมาย ล.3, ล.4 นับว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพราง จึงต้องบังคับตาม สัญญาเอกสารหมาย ล.3, ล.4 เพื่อนำไปสู่ปัญหา ข้อกฎหมายเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อราคาทรัพย์สิน ตามฟ้องอันเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท และไม่มีคำรับรองว่ามีเหตุ อันสมควรจะฎีกาได้ ฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share