แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับเนื่องจากจำเลยไม่นำหลักประกันมาวางต่อศาล จำเลยจึงยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับนี้โดยจำเลยขอนำโฉนดที่ดินตามสำเนาโฉนดและราคาประเมินของกรมที่ดินท้ายคำร้องนี้มาวางเป็นหลักประกันต่อศาล โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีสืบเนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยชำระเงิน73,012 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 59,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์มาศาลฝ่ายเดียว ฝ่ายจำเลยซึ่งได้รับหมายนัดโดยชอบแล้วไม่มา ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2522 ต่อมาเมื่อวันที่ 24ธันวาคม 2522 จำเลยยื่นฎีกาพร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ต่อมาวันที่ 9 มีนาคม 2524 จำเลยได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2524 ว่าพ้นกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งมานานแล้ว ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งจำเลยจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นส่งไปศาลฎีกาเพื่อสั่ง ศาลฎีกาสั่งคำร้องว่าให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา (ฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม 2524)ไปให้ศาลฎีกาเพื่อมีคำสั่งต่อไป และต่อมาศาลฎีกาได้สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกาว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งขอให้นับระยะเวลาที่จะยื่นฎีกาตั้งแต่วันที่จำเลยได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แทนการนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ขอขยายระยะเวลาที่จะยื่นฎีกา ไม่ใช่อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาที่จะยื่นฎีกา จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาไม่ได้ให้ยกคำร้อง จำเลยจึงได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 20 มกราคม 2525ขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง (ฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม2524) พร้อมทั้งฎีกาไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 24 มีนาคม 2525 ว่า ถ้าจำเลยจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป จะต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ 12 มีนาคม 2524 ไปยังศาลอุทธรณ์ มิใช่มายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับเดิม (ที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกแล้ว) ไปยังศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องของ จำเลย ต่อมาวันที่ 3ตุลาคม 2528 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาของจำเลยไปให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 24 มีนาคม 2525 ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา (อันดับ 114)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 123)
ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการในเรื่องส่งสำเนาคำร้องขอทุเลาการบังคับแก่โจทก์เพื่อให้โจทก์มีโอกาสคัดค้านตามกฎหมายเสียก่อน แล้วจะได้พิจารณาสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยต่อไป (อันดับ 127)
ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ยื่นคำแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา (อันดับ 128 แผ่นที่ 3,129)
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกามาแล้วครั้งหนึ่ง ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง (อันดับ 121)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ แต่จำเลยไม่วางหลักประกันภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด (สำนวนพ่วง อันดับ 3,7)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ยกคำร้อง