คำสั่งคำร้องที่ 1744/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จึงไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยเห็นว่า การที่ศาลจังหวัดขอนแก่นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยอมรับว่าคำรับสารภาพในความผิดของจำเลยเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษจำเลยแล้ว แต่ข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสองไม่ได้มีข้อที่จำเลย ควรได้รับการพิจารณาจากวิสัยและพฤติการณ์ตลอดจนสภาพของจำเลย ที่ประสงค์ว่าได้รู้สำนึกแห่งการกระทำผิดเพราะหลงผิดไป ทั้งมีความสำนึกที่จะประกอบสัมมาชีพเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงไม่เป็นไปตามเหตุอื่นอันควรปรานีที่ศาลจะได้พิจารณา คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงหาต้องด้วยกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมาย ได้บัญญัติในกรณีนี้โดยชัดเจนไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 7) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคแรก และมาตรา 89 ที่แก้ไขแล้ว จำคุก 5 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เงินของกลางคืนเจ้าของ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 2) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 7)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือนจำเลยฎีกาว่า มีเหตุอื่นอันควรปรานีอีกขอให้บรรเทาโทษลงอีกนั้น เป็นฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจของศาลในการลงโทษ เป็นปัญหา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share