คำสั่งคำร้องที่ 1721/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และบางอย่างก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โปรดรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 211)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497 มาตรา 1,9,108,108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 เป็นกรณีต่างกรรมต่างวาระกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่สาธารณประโยชน์ จำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาทฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เป็นกรณีกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 เดือนปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 7 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามกฎหมายให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทภายในเวลา 3 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาเป็นต้นไป
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 210)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 211)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 7 เดือน และปรับ5,000 บาท รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทภายในเวลา 3 เดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาล้วนแต่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share