คำสั่งคำร้องที่ 1705/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับเฉพาะฎีกาข้อ 2 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายส่วนฎีกาข้อ 1 ไม่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงไม่รับเป็นฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าค่าสินไหมทดแทนซึ่งโจทก์จ่ายให้จำเลย เป็นลาภมิควรได้ จะเรียกคืนได้หรือไม่ ซึ่งจำเลยได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์มาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่าเหตุใดจึงไม่ใช่กรณีตามที่จำเลยกล่าวอ้าง และจำเลยได้อุทธรณ์ว่ากรณีดังกล่าวมิใช่ลาภมิควรได้อันจะต้องคืน เมื่อศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยถึงเหตุผลจำเลยจึงมิอาจอุทธรณ์คัดค้านหรือโต้แย้งเหตุผลได้ แต่จำเลยก็ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไปว่ามิใช่ลาภมิควรได้อันต้องคืน แต่ศาลอุทธรณ์ก็มิได้วินิจฉัยถึงเหตุผล เพียงแต่ว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ทั้งมิได้หักล้างเหตุผลของจำเลยจำเลยจึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า กรณีมิใช่ลาภมิควรได้อันต้องคืน ฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แต่อย่างใดโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 57)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยคืนเงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 17 กันยายน 2527จนกว่าจะชำระให้โจทก์ครบถ้วน แต่ดอกเบี้ยดังกล่าวคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 93.75 บาท
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 46)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 50)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องคืนเงินให้โจทก์โดยอ้างเหตุผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409 แต่ฎีกาของจำเลยข้อ 1 กล่าวว่า จำเลยไม่ต้องคืนเงินให้โจทก์โดยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 กรณีจึงไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อ 1 ของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share