คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีความผดต่อส่วนตัวซึ่งมีจำเลยหลายคนเจ้าทุกข์ถอนคำร้องทุกข์ฉะเพาะบางคนได้ เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด อ้างฎีกาที่ 232/2482

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญามาตรา ๓๐๔ ๓๑๐ ๖๓ โดขกล่าวว่าจำเลยสมคบกันเอาเครื่องรูปพรรณชุบทองไปหลอกขายและเจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์แล้ว
ในระหว่างพิจารณาผู้เสียหายทั้งสามยื่นคำร้องขอคอนคำร้องทุกข์ต่อศาล โดยกล่าวว่าไม่ติดใจเอาความแก่นายเหมือยจำเลยต่อไป โจทก์แถลงรับว่าผู้เสียหายได้จอถอนคำร้องทุกข์ต่อโจทก์เหมือนกัน แต่โจทก์ไม่ได้จัดการถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีฉะเพาะตัวนายเหมือนจำเลยนั้น เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ โจทก์ไม่มีสิทธิว่ากล่าวต่อไป คดีเป็นอันระงับตามกฎหมายลักษณมาตรา ๘๑ และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๒) พิพากษาลงโทษนายปันจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๔ ปล่อยนายเหมือยจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยศาลชั้นต้นว่า คดีฉะเพาะตัวนายเหมือนจำเลยย่อมเป็นอันระงับไป โดยผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกาศาลฎีกาเห็นว่าในความผิดต่อส่วนตัว เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดเจ้าทุกข์หรือผุ้เสียหายย่อมมีสิทธิ์ขอยอมความได้เสมอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๕ ในเมื่อฝ่ายจำเลยไม่คัดค้าน จริงอยู่เจ้าทุกข์ยอมความกับจำเลยไม่คัดค้าน จริงอยู่เจ้าทุกข์ยอมความกับจำเลยคนเดียว แต่ไม่มีกฎหมายห้ามไว้อย่างไร และแม้เจ้าทุกข์ไม่เอาความกับนายเหมือยจำเลย ความผิดของนายปันก็ไม่เป็นการชอบด้วยกฎหมายขึ้นเพราะต่างทำผิดเป็นส่วนตัว จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์

Share