แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลฎีกาให้ทุเลาการบังคับตามคำร้องของ จำเลย ขณะนี้โจทก์จะเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทนี้ และจำเลยเอง ก็จะเข้าทำประโยชน์เช่นกัน จึงเกิดการแบ่งการทำประโยชน์กันขึ้นขอศาลโปรดออกหมายเรียกตัวจำเลยมาตกลงกันว่า หากจำเลย หรือโจทก์จะเข้าทำประโยชน์ที่พิพาท จำต้องมีค่าเช่าหรือวิธีอื่น ตามที่ศาลเห็นควรกำหนดให้โจทก์หรือจำเลยปฏิบัติ โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 72 ตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่จังหวัดเพชรบูรณ์ คืนให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์(อันดับ 84,85)
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า กรณีเป็นเรื่องขอทุเลาการบังคับ พิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ แต่ห้ามจำเลยนำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างฎีกาให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ(คำสั่งคำร้องที่ 624/2536)
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 91)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วคำร้องของ โจทก์พอแปลได้ว่า ประสงค์ขอให้ สั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา คดีนี้โจทก์ฟ้องเพียงบังคับให้จำเลยคืนที่ดินพิพาทหากจำเลยไม่ยอมคืนให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงแทนเจตนาของจำเลย โดยไม่ได้มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายในการที่มิได้รับประโยชน์ จากที่ดินพิพาทในระหว่างคดี โจทก์จะร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครอง ประโยชน์ในเรื่องค่าเช่าหรือค่าเสียหายเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นเรื่องนอกฟ้องไม่ได้ ยกคำร้อง