คำสั่งคำร้องที่ 163/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยในเรื่องวิธีการคำนวณเงินบำเหน็จเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ได้ ส่วนค่าชดเชยจำเลยไม่ได้โต้เถียงในอุทธรณ์ฉบับก่อนจะย้อนมาอุทธรณ์อีกไม่ได้จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า ศาลแรงงานกลางยังไม่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับคำสั่งกระทรวงอุตสาหกรรมที่ 124/2501 ข้อ 37ว่าด้วยการจะได้รับทั้งเงินบำเหน็จและค่าชดเชยเนื่องจากออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุ ในคำพิพากษาที่ได้พิพากษาใหม่ตามรูปคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ได้รับสำเนาคำร้องแล้วคดีสี่สำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษารวมกันโดยเรียกโจทก์ในคดีทั้งสี่สำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 4ตามลำดับ
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ที่ 2 จำนวน 19,880 บาท จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ที่ 3 จำนวน18,640 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ที่ 4 จำนวน28,320 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 อุทธรณ์
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาคำนวณเงินบำเหน็จตามวิธีการที่ศาลฎีกากำหนดแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 83,490 บาท จ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ที่ 2จำนวน 121,420 บาทจ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ที่ 3 จำนวน 166,872 บาทและจ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ที่ 4 จำนวน 118,592 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 51)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลแรงงานกลาง ให้ยกคำร้อง

Share