แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี และฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า สำหรับโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยนั้น จำเลยเห็นพ้องด้วยแล้วว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง แต่โทษริบรถยนต์บรรทุกของกลางจำเลยได้ฎีกาดุลยพินิจของศาลอุทธรณ์ว่า สมควรที่จะสั่งริบหรือไม่กรณีจึงน่าจะไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 23)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 56,83จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 23)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 23)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การริบทรัพย์สิน เป็นโทษอย่างหนึ่ง ฎีกาจำเลยจึงเป็นการคัดค้านดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ให้ยกคำร้อง