แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่ารับอุทธรณ์เฉพาะข้อที่ว่าเงินกองทุนสงเคราะห์ใช่เงินเดือนหรือค่าจ้างหรือไม่ และข้อโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากฟ้องหรือไม่ อุทธรณ์ข้ออื่นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับ
จำเลยที่ 2 เห็นว่า อุทธรณ์ในข้อ 6 ย่อหน้าที่ 1,2,3,4 และ 6 นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องที่อุทธรณ์ว่า ความจริงข้อตกลงกันเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือสัญญาจ้าง ระหว่างโจทก์กับนายชนินทร์จุทิน เป็นประการใดไม่ใช่อย่างที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และนายชนินทร์ ได้ทำตามข้อตกลงตามสภาพการจ้างที่ถูกต้องแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และปัญหาดังกล่าวก็ต่อเนื่องกับ ข้อกฎหมายที่ว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากฟ้องหรือไม่ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่ได้จากข้อเท็จจริงเดียวกัน โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ดังกล่าวไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 108)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 159,324.50 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินต้นดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง (5 กันยายน 2534) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดก ที่ตกทอดได้แก่ตน
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์บางข้อ (อันดับ 101)
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 106)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อ 6 ย่อหน้าที่ 1,2,3,4 และ 6 นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทั้งสิ้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 54 ศาลแรงงานกลางไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง