คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 248 บัญญัติว่า “ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247 ได้กระทำความผิดตามมาตราอื่นที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้อันเกี่ยวกับสิ่งที่ตนปลอมหรือแปลงนั้นด้วย ให้ลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247แต่กระทงเดียว” ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามมาตรา 240,244 และ 246 แล้วเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสองเป็น 3 กระทง จึงขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว กรณีนี้ต้องถือว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองตามมาตรา 240เพียงกระทงเดียว มีกำหนด 14 ปี คดีสำหรับจำเลยที่ 1 แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ความผิดตามมาตรา 244 ซึ่งลงโทษจำคุกไว้ 4 ปีก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีสำหรับจำเลยที่ 2สมควรคำนวณลดโทษเสียใหม่ให้ถูกต้อง ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ ทั้งเป็นเหตุลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2532 ถึงวันที่25 ตุลาคม 2532 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองร่วมกันทำเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกษาปณ์ชนิด 5 บาท กับร่วมกันทำปลอมเหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 5 บาท และร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 5 บาท จำนวน 3,442 เหรียญ ราคา 17,210 บาทขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 244, 246, 32, 33,83, 91 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 วางโทษจำคุกคนละ 14 ปี ตามมาตรา 244วางโทษจำคุกคนละ 6 ปี และตามมาตรา 246 วางโทษจำคุกคนละ 10 ปีเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นจำคุกคนละ30 ปี คำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยทั้งสองมีกำหนดคนละ 20 ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนที่จะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1เห็นสมควรยกเรื่องการกำหนดโทษจำเลยทั้งสองขึ้นวินิจฉัยก่อนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 240, 244 และ 246 ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 248 บัญญัติว่า”ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247ได้กระทำความผิดตามมาตราอื่นที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้อันเกี่ยวกับสิ่งที่ตนปลอมหรือแปลงนั้นด้วย ให้ลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 240มาตรา 241 หรือมาตรา 247 แต่กระทงเดียว” ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามมาตรา 240, 244 และ 246แล้วเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสองเป็น 3 กระทง จึงขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว กรณีนี้ต้องถือว่าศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองตามมาตรา 240 เพียงกระทงเดียว มีกำหนด 14 ปี คดีสำหรับจำเลยที่ 1แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ความผิดตามมาตรา 244 ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีสำหรับจำเลยที่ 2 สมควรคำนวณลดโทษเสียใหม่ให้ถูกต้อง ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ ทั้งเป็นเหตุลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วย แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244แต่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 246
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 240, 244, 246 ลงโทษความผิดตามมาตรา 240 กระทงเดียวตามมาตรา 248 จำคุก 14 ปี คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 กำหนด 2 ปีจำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 9 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share