แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า รับอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะข้อ 2.1 ส่วนอุทธรณ์ข้อ 2.2 เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ไม่รับ
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2.2 ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์ไม่แจ้งข้อเท็จจริงหรือแสดงพยานหลักฐานว่าท่อประปาที่นายบุญเกิดไปทำการติดตั้งให้นายสมเดชนั้น เป็นท่อประปาที่นายสมเดชซื้อจากบริษัทนายจ้าง ในชั้นยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนต่อพนักงานเงินทดแทน และในชั้นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน เท่ากับโจทก์ปกปิดข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน การที่โจทก์นำคดีสู่ศาลและนำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นการแสดงว่าโจทก์นำคดีสู่ศาลโดยมีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาควรรับไว้พิจารณาและวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 41)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลย และให้จำเลยโดยสำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์(หรือผู้มีสิทธิ) ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 33)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 37)
คำสั่ง
อุทธรณ์ข้อ 2.2 ของจำเลยได้หยิบยกเอาคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางขึ้นกล่าวอ้างและโต้แย้งว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์มิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นพิจารณาของพนักงานเงินทดแทนและของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน การที่โจทก์ได้นำสืบในชั้นพิจารณาของศาลแรงงานกลางแสดงว่าโจทก์มีเจตนาไม่สุจริต เป็นเหตุให้ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนนั้น เป็นอุทธรณ์ที่ประสงค์มิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
