แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์และแก้ไขอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจของศาลในการรับฟังข้อเท็จจริงในคดีเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยพิจารณาคำฟ้องในคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ไม่ครบถ้วน การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการลงลายมือชื่อในเอกสารหมาย ล.7(เอ็ม.ซี.37) มีการปฏิบัติมิได้เคร่งครัด เป็นการรับฟังพยานโจทก์เพียงปากเดียวโดยไม่รับฟังพยานจำเลย และการที่จำเลยได้นำสืบพยานบุคคลยืนยันว่าลายมือชื่อในเอกสารรับเงินแบบ ล.1/1เอกสารหมาย ล.6 เป็นลายมือชื่อปลอม เมื่อปรากฎว่าไม่ได้ส่งลายมือชื่อนั้นไปตรวจพิสูจน์ ต้องรับฟังว่าเป็นลายมือชื่อปลอมนั้น ล้วนเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 95)
คดีสองสำนวนนี้ คู่ความต่างเป็นโจทก์ฟ้องซึ่งกันและกันศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกโจทก์ในสำนวนแรกและจำเลยในสำนวนหลังว่า โจทก์ และเรียกจำเลยในสำนวนแรกและโจทก์ในสำนวนหลังว่าจำเลย
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในสภาพการจ้างและอัตราเงินเดือนไม่น้อยกว่าที่โจทก์ได้รับขณะเลิกจ้าง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง และให้ยกฟ้องของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดำที่ 5923/2529 ด้วย
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะสำนวนแรก (อันดับ 82)
จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 84)
ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 89)
คำสั่ง
ประเด็นที่ว่าโจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินตามที่จำเลยฟ้องในคดีดำที่ 5923/2529 หรือไม่นั้น ศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์มิได้ทุจริตและทำผิดระเบียบข้อบังคับร้ายแรงจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินดังกล่าว ดังนั้น ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ข้อวินิจฉัยของศาลเป็นการฟังพยานหลักฐานผิดจากหลักฐานในสำนวนก็ดี อุทธรณ์ว่าโจทก์ทุจริตอันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรงก็ดี ล้วนแต่เป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยมานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง