แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ปฏิบัติตนไม่สมควร แก่หน้าที่ไม่เคยขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางรับฟังพยานขัดกับข้อเท็จจริง ในสำนวน ต้องฟังว่า โจทก์ปฏิบัติงานไม่สมกับหน้าที่ และ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง ถือเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
การจะใช้อำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลแรงงานกลาง การอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางไม่ควรใช้อำนาจดังกล่าว เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลแรงงานกลาง เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายจำนวน15,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จ่ายเงินโบนัสตามสัดส่วนของระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นเงิน 1,875 เหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจจำนวน 2 ที่นั่ง จากกรุงเทพฯ ไปซอลเบิร์กตามที่จ่ายจริงไม่เกินวงเงิน 61,800 บาท จ่ายเงินค่าขนย้ายของ จำนวน 2,000 เหรียญสหรัฐ โดยให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวเมื่อโจทก์ได้มอบต้นฉบับใบเสร็จรับเงินหรืออินวอยส์ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้ว คำขออื่นให้ยก และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ข้อ 2.1 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงอุทธรณ์ข้อ 2.2 และ 2.3 เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายถือว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนอุทธรณ์ข้อ 3 เป็นข้อกฎหมายที่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาล เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแห่งคดีจึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระแห่งคดีและได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ปฏิบัติตนสมควรแก่หน้าที่ ไม่เคยขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา จำเลยอุทธรณ์ในข้อ 2.1 ว่าศาลแรงงานกลางรับฟังพยานขัดกับข้อเท็จจริงในสำนวน ต้องฟังว่าโจทก์ปฏิบัติงานไม่สมกับหน้าที่ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง
อุทธรณ์ในข้อ 2.2, 2.3 ของจำเลย ก็ล้วนแต่เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย
ส่วนอุทธรณ์ในข้อ 3. ที่กล่าวว่า ศาลแรงงานกลางต้องสั่งรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 4 ที่ขอสืบ นายโรเจอร์ บลัทเลอร์ เป็นพยานของจำเลยโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 นั้น ในข้อนี้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าไม่เห็นควรใช้อำนาจตามมาตรา 45 เรียกนายโรเจอร์ บลัทเลอร์ นำสืบ จึงเป็นดุลพินิจของศาลแรงงานกลางที่ไม่อนุญาตให้สืบนายโรเจอร์ บลัทเลอร์ อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เช่นเดียวกันกับข้อที่อุทธรณ์ต่อไปว่า ศาลแรงงานกลางตัดพยานจำเลยโดยอ้างเหตุประวิงคดีเป็นการไม่ชอบ
อุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อจึงต้องห้ามอุทธรณ์ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54
ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”