แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ทราบแล้วว่า นายอรุณเรืองเพชรทนายโจทก์ไม่ได้ประกอบอาชีพทนายความโดยไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีแล้วไม่ได้ติดต่อกับโจทก์อีกเลยโจทก์ก็ชอบที่จะถอนทนายโจทก์คนนี้ขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ทุกเมื่อ และติดตามฟังผลคดีด้วยตนเองเพื่อจะใช้สิทธิยื่นฎีกา ดังนั้นการที่มีผู้รับหมายนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไว้แทนทนายโจทก์ แล้วไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ จึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดของโจทก์ ไม่ใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้โจทก์ ให้ยกคำร้อง
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า โจทก์ไม่สามารถถอน นายอรุณเรืองเพชรจากการเป็นทนายโจทก์คนเดิมในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ เพราะเพิ่งทราบว่านายอรุณไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วซึ่งหลังจากนั้นโจทก์ได้แต่งตั้ง นายบุญส่ง บุณยะกุล เป็นทนายร่วมอีกคนหนึ่งอีกประการหนึ่งโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลาการที่จะมาติดต่อถามผลคดีของศาลอุทธรณ์ตลอดเวลาว่าจะพิพากษาคดีเมื่อใดนั้น เป็นการไม่สะดวกแก่การเดินทางในแต่ละครั้งและยังต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย โจทก์ได้รู้เพียงแต่ศาลแจ้งหมายนัดไปให้โจทก์ทราบเท่านั้น เมื่อคดีนี้ศาลได้แจ้งหมายนัดวันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปยังทนายโจทก์แต่ฝ่ายเดียวเมื่อทนายโจทก์ไม่รู้และไม่มีบุคคลใดแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์จึงไม่ทราบถึงวันนัดดังกล่าวกรณีมีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23จึงขอศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์และอนุญาตให้โจทก์ขยายระยะเวลายื่นฎีกาต่อไปด้วย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 104)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย95,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง ต่อปีนับแต่วันละเมิด(31 ธันวาคม 2526) จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ทั้งสอง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความทั้งสองศาลระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 101)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ โดยชำระค่าขึ้นศาลมาจำนวน200 บาท (อันดับ 102)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว แม้คำร้องของโจทก์ระบุว่าขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งคำร้องก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกา เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการรับหรือไม่รับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252 เมื่อพิจารณาเหตุผลตามคำร้องแล้ว เห็นว่า เหตุที่โจทก์ทั้งสองอ้างไม่ใช่เหตุสุดวิสัย หากแต่เป็นเรื่องความบกพร่องผิดพลาดของโจทก์ทั้งสองเองจนไม่อาจจะฎีกาได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามคำร้องของโจทก์ทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลโดยหักไว้เป็นค่าคำร้อง 40 บาท