แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การเถียงข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาในจำนวนทุนทรัพย์เพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย มีผลอย่างเดียวกันกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 10,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2530 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 กับให้ชำระเงินจำนวน 42,502 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 24 กันยายน 2530 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ดอกเบี้ยสำหรับโจทก์ที่ 2 คิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 2,036 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว ไม่รับ
จำเลยยื่นคำร้องว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 ข้อ 2.2 เรื่องการรับฟังพยานหลักฐาน ข้อ 2.3 เรื่องอำนาจฟ้อง และข้อ 2.4 เรื่องการตัดสินของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
ศาลฎีกาสั่งว่า “ข้ออ้างของจำเลยที่อ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้นต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาในจำนวนทุนทรัพย์ เพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยมีผลอย่างเดียวกันกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ให้ยกคำร้อง”