แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า รับอุทธรณ์เฉพาะข้อ (ก)และข้อ(ข)ส่วนข้อ(ค) เป็นการอุทธรณ์ปัญหาการใช้ดุลยพินิจในการรับฟังพยานของศาลมิใช่ข้อกฎหมายจึงไม่รับโจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ข้อ (ค) เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางรับฟังพยานหลักฐานในคดีผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามพยานหลักฐานในสำนวนเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ (ค) ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 70)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน81,240 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ (อันดับ 58)
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์บางข้อดังกล่าว (อันดับ 56)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 61)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ข้อ (ค) ว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังคำเบิกความของนายภิรมย์ซื่อตรง แล้วเชื่อว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนละ 13,540 บาท เป็นการรับฟังพยานหลักฐานผิดไปจากที่ปรากฏในสำนวน เพราะคำเบิกความของพยานดังกล่าวเป็นการเบิกความหักล้างพยานเอกสารหมาย จ.3 ที่พยานเป็นผู้ทำขึ้นในนามของจำเลย ซึ่งรับรองรายได้ของโจทก์เดือนละประมาณ 23,300 บาท ทั้งตามเอกสารหมาย จ.1 จ.2 ก็แสดงว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนละไม่น้อยกว่า 23,300 บาท ซึ่งเป็นการอุทธรณ์ว่า ศาลไม่ควรรับฟังคำเบิกความของนายภิรมย์ซื่อตรงแต่ควรรับฟังพยานเอกสารหมาย จ.1 จ.2 จ.3 จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจของศาลแรงงานกลางในการรับฟังพยานหลักฐานที่ฟังว่า โจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนละ 13,540 บาท อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง