แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นฎีกาดุลยพินิจของศาลอุทธรณ์อันเป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ส่วนข้อกฎหมายไม่เป็นสาระ จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแห่งคดีอันควรสู่ศาลฎีกาว่าจำเลยสมควรได้รับโทษจำคุกตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นอยู่อีกหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 49)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งจำเลยที่ 1 จำคุกฐานเป็นผู้จัด 1 เดือนปรับ 1,000 บาท ฐานเข้าเล่นด้วย ปรับ 800 บาท รวมปรับ1,800 บาทจำคุกจำเลยที่ 2 ฐานเป็นเจ้ามือ 1 เดือน ปรับ1,000 บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ 800 บาท โทษจำคุกรอ 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1ฐานเป็นผู้จัดและจำเลยที่ 2 ฐานเป็นเจ้ามือสถานเดียวไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1ที่ 2 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 48)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นฎีกาโต้เถียงดุลยพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง