แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยตามภูมิลำเนาในคำฟ้องตามที่จำเลยระบุไว้ในสัญญากู้เงิน แต่การส่ง ณสถานที่ดังกล่าวไม่อาจกระทำได้เพราะจำเลยย้ายภูมิลำเนาและโจทก์ไม่อาจค้นหาภูมิลำเนาใหม่ได้ เพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยได้แจ้งย้ายเข้าและย้ายออกจากบ้านที่แจ้งไว้โดยทางทะเบียนจึงเป็นกรณีที่ไม่อาจส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยได้ การที่ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลย โดยวิธีประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ขอ จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาโดยจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ให้จำเลยที่ 1 กับพวกชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีภูมิลำเนาตามที่โจทก์ฟ้อง แต่มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 96 ถนนราชบุตร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี การที่โจทก์แถลงต่อศาลขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีการประกาศหนังสือพิมพ์ จึงเป็นการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ทราบฟ้องโจทก์แล้ว ทั้งปรากฎว่าจำเลยที่ 1 มาทราบเรื่องนี้เมื่อมีประกาศยึดทรัพย์ของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกระทำแทนศาลจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 18ธันวาคม 2528 จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาทั้งคดีมีเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะชนะได้ เพราะความจริงไม่ใช่เรื่องกู้เงินแต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 นำเช็คที่จำเลยอื่นลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายไปขายลดให้โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้สัญญากู้เงินและคดีขาดอายุความแล้ว
โจทก์แถลงคัดค้านว่า ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง เป็นภูมิลำเนาที่จำเลยแจ้งต่อโจทก์ขณะกู้เงิน จำเลยที่ 1 ไม่เคยแจ้งภูมิลำเนาตามที่ได้กล่าวในคำร้องต่อโจทก์ การพิจารณาคดีของศาลเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ ทั้งการพิจารณาคดีใหม่ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 จะอ้างว่าไม่ได้กู้เงินแต่เป็นเรื่องขายลดเช็คไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างพยานเอกสารต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในการทำสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2519 จำเลยที่ 1 ระบุในสัญญาว่า มีภูมิลำเนาที่บ้านเลขที่ 389/4 ถนนสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในการฟ้องคดีเพื่อให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาที่กล่าวแล้ว เมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2521 โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ณ บ้านเลขที่ตามที่ระบุในสัญญา ปรากฎว่าจำเลยที่ 1ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นเวลาหลายเดือนแล้วเจ้าพนักงานศาลจึงส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1ไม่ได้ โจทก์ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนา ณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ขอให้ส่งใหม่ ถ้าส่งไม่ได้ไม่ว่าเพราะเหตุใดขอให้ปิดหมาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แสดงสำเนาทะเบียนบ้านต่อศาลก่อนแล้วจะมีคำสั่งใหม่ ต่อมาโจทก์แถลงต่อศาลว่า โจทก์ไม่อาจสืบหาที่อยู่ของจำเลยที่ 1 ได้ว่าย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ณ ที่ใด ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ศาลชั้นต้นอนุญาต เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎตามทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ล. 2 ว่า ขณะที่โจทก์ยื่นคำฟ้อง จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนา ณ บ้านเลขที่ 96 ถนนราชบุตร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จึงมีปัญหาตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องดังกล่าวมาแล้วชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1ตามคำฟ้อง จำเลยที่ 1 เป็นผู้ที่แจ้งให้โจทก์ทราบ ดังนี้ จำเลยที่ 1 จะฎีกาว่าไม่ชอบที่จะถือว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาณ สถานที่ดังกล่าวหาได้ไม่ เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ณ สถานที่นั้นไม่อาจกระทำได้เพราะจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนา และโจทก์ไม่อาจค้นหาภูมิลำเนาใหม่ได้ เพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งย้ายเข้า และย้ายออกจากบ้านหลังนั้นโดยทางทะเบียนแต่ประการใด ทั้งคดีไม่ได้ความว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาตามที่จำเลยกล่าวในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ กรณีจึงไม่อาจส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 ณ ภูมิลำเนาดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาได้ การที่ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องตลอดจนแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลย โดยวิธีประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ขอจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 กรณีจึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอไม่ได้…’
พิพากษายืน.