แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ตามทางไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีรายได้ เมื่อเปรียบเทียบรายได้กับค่าธรรมเนียมที่จำเลยจะต้องเสียในการยื่นฎีกาคดีนี้แล้ว เห็นว่า จำเลยมีรายได้พอที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้ จึงให้ยกคำร้อง หากจำเลยประสงค์จะฎีกาต่อไปก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน15 วัน
จำเลยเห็นว่า จำเลยเป็นคนยากจนจริง ไม่มีทรัพย์สินและไม่ได้ประกอบอาชีพใด ต้องอาศัยบุตรให้เงินเลี้ยงชีพ เงินที่ได้รับจากบุตรทุกเดือนก็เพียงแต่พอใช้จ่ายไปในแต่ละเดือนเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้านเมื่อพ้นกำหนด ศาลชั้นต้นรับไว้เป็นคำแถลงการณ์ (อันดับ 89)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยออกจากห้องเช่าพิพาทเลขที่35/14 ตามฟ้องของโจทก์ และส่งมอบคืนห้องพิพาทให้แก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน ๆ ละ 2,500 บาท นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2527 ไปจนกว่าจำเลยจะออกจากห้องพิพาทและมอบห้องดังกล่าวแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 74,73,86)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 87)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนถึงขนาดไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกาได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถาชอบแล้วให้ยกคำร้อง หากยังประสงค์จะฎีกา ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนี้