คำสั่งคำร้องที่ 1509/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 และข้อ 2.2 เฉพาะที่เกี่ยวกับเช็คตามเอกสารหมายจ.9 จ.11 ส่วนฎีกาจำเลยสำหรับเช็คตามเอกสารหมาย จ.37.5 จ.7เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 2.1 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า เช็คพิพาทตามเอกสารหมาย จ.3 จ.5 จ.7 จ.9 และ จ.11ที่โจทก์นำมาฟ้องขาดอายุความแล้วและเป็นปัญหาที่จำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้มาโดยตลอดแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 ที่เกี่ยวกับเช็คพิพาททุกฉบับไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 104 แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์มีมูลจึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ลงโทษกระทงแรก จำคุก 1 เดือน กระทงที่สองและกระทงที่สามจำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 5 เดือน คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ลงโทษจำเลยตามเช็คเอกสารหมาย จ.9 และ จ.11 ให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 99)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 103 แผ่นที่ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเฉพาะเช็คตามเอกสารหมาย จ.3 จ.5 และ จ.7 จำคุกกระทงแรก 1 เดือนกระทงที่สองที่สาม จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 5 เดือนคำขออื่นให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามเช็คเอกสารหมาย จ.9 จ.11 กระทงละ 2 เดือน รวม 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีสำหรับเช็คตามเอกสารหมายจ.3 จ.5 และ จ.7 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาโจทก์ข้อ 2.1ที่ว่า คำเบิกความของนายปราโมทย์สมบุญสกุลศรี ผู้รับมอบอำนาจเบิกความตอบคำถามค้านว่า พยานไปร้องทุกข์ พยานไม่ได้มอบคดีให้พนักงานสอบสวนไม่ได้มอบเช็คและใบคืนเช็คให้ด้วย เหตุไปแจ้งความเพราะต้องการแจ้งไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น เป็นการแสดงเจตนาของผู้ร้องทุกข์ว่าไม่มีเจตนาร้องทุกข์ และถ้อยคำที่ว่า เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และเพื่อดำเนินคดีกับผู้สั่งจ่ายให้ถึงที่สุดตามเอกสารหมาย จ.13 จ.14 เป็นการบันทึกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขียนด้วยความเคยชิน และที่ศาลอุทธรณ์ฟังและสันนิษฐานเอาเองว่าคำเบิกความพยานของนายปราโมทย์ดังกล่าวนายปราโมทย์อาจไม่เข้าใจคำถามศาลจะสันนิษฐานเอาเองเพื่อฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้นั้นเห็นว่าฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์และเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share