แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายข้อ 2 ส่วนฎีกาปัญหาข้อกฎหมายข้อ 1และ 3 ไม่เป็นสาระแก่คดี และฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เกิน 2 ปี คดีจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ส่วนฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ข้อ 1 ที่ว่า โจทก์ ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 183 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175,177 วรรคสอง ให้เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฟ้องเท็จ จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่ง ฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญา จำคุก 1 ปี 6 เดือน อีกกระทงหนึ่ง รวมสองกระทงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคสอง ฐานเบิกความเท็จในการ พิจารณาคดีอาญา ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่างฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว (อันดับ 177,178)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 181)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน คดีของจำเลยที่ 1จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายนั้น แม้จะเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระไม่ทำให้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเปลี่ยนแปลงไป ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง