คำสั่งคำร้องที่ 1484/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นปัญหาข้อเท็จจริงคดีนี้ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมิได้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมด กล่าวคือฎีกาในข้อ 2. ก และข้อ 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเพราะจำเลยมิได้โต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์แต่เพียงประการเดียวว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ แต่ได้โต้แย้งว่าการที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่เคยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมแล้วนำมาประกอบการวินิจฉัยว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ต้องห้ามฎีกาและชอบที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาได้ แม้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อีกทั้งเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวนส่วนฎีกาในข้อ 3 ปัญหาว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องและคำให้การของจำเลยยุติเพียงพอให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยได้แล้วหรือไม่ และคำสั่งศาลที่เพิกถอนดังกล่าวเป็นการชอบด้วยพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 162 หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยในข้อ 2. ก และข้อ 3 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้องระหว่างพิจารณา พันโทหญิงพรรณีชยางคเสน ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291,390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา4(14),43(4),157,162 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี ให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลยด้วย ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษโดยอ้างว่าไม่เคยต้องโทษ และมีคุณงามความดีมาก่อนนั้น เห็นว่าจำเลยยังมิได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายเลยจึงยังไม่เห็นสมควรรอการลงโทษให้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และโจทก์ร่วมต่างฎีกา (อันดับ 58,59 แผ่นที่ 3)
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 60แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะกำหนดโทษให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อย แต่คงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาข้อ 2 ก. ของจำเลยที่อ้างว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวนที่ฟังว่าจำเลยไม่เคยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมนั้นศาลอุทธรณ์หาได้ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวนแต่อย่างใดไม่ ส่วนฎีกาข้อ 3 ของจำเลยเป็นการเถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์แล้วเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share