คำสั่งคำร้องที่ 1459/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีนี้โจทก์ได้อ้างส่งโฉนดเลขที่ 2041 แขวงลำปลาทิวเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เป็นพยานต่อศาลในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เพื่อประกอบการพิจารณาว่า การที่จำเลยฆ่าผู้ตายก็เนื่องจากการซื้อขายที่ดินโฉนดดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นของกลางในคดีแต่อย่างใดไม่ และคดีนี้จำเลยรับสารภาพ ประเด็นที่ขึ้นมาศาลฎีกาก็มีเพียงว่าจะปราณีโทษแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หรือไม่เท่านั้นโฉนดดังกล่าวจึงไม่มีความจำเป็นต่อการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องซึ่งถูกโจทก์ร่วมฟ้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรีขอให้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2041 ให้แก่โจทก์ร่วม และคดีถึงที่สุดแล้วโดยตกลงประนีประนอมยอมความกัน ดังปรากฏตามสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความท้ายคำร้องนี้ มีความประสงค์ขอให้ศาลสั่งคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องเพื่อจะได้นำไปโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ร่วมต่อไป โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ระหว่างพิจารณา นายโกสิทธิ์ยงเกียรติพานิชขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งเจ็ดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199,217,289,340,83,90,91เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษตามบทหนัก แต่โทษในความผิดทั้งสองฐานนั้นมีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดเพียงฐานเดียวคือ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งเจ็ด ฐานซ่อนเร้น ยักย้ายและทำลายศพให้จำคุกจำเลยทั้งเจ็ดคนละ 1 ปี ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นให้จำคุกจำเลยทั้งเจ็ดคนละ 4 ปี รวมโทษเป็นประหารชีวิตจำเลยทั้งเจ็ดและจำคุกคนละ 5 ปี จำเลยทั้งเจ็ดให้การรับสารภาพ ลดโทษให้จำเลยทั้งเจ็ดคนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งเจ็ดคนละตลอดชีวิตและจำคุกจำเลยทั้งเจ็ดคนละ 2 ปี 6 เดือน อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(3) จึงลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดได้เพียงจำคุกคนละตลอดชีวิต ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา (อันดับ 229)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 251)
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวมาสองครั้งแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต (อันดับ 155,225)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เอกสารตามคำร้อง โจทก์เป็นผู้ส่งเป็นพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แม้ประเด็นแห่งคดีจะมีเพียงว่าจะลดโทษให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 หรือไม่ ก็จำต้องตรวจพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งหมด จึงยังไม่อาจคืนให้ได้ ให้ยกคำร้อง

Share