แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องตกอยู่ภายใต้บทบัญญัติ มาตรา 248ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งด้วย ไม่รับฎีกาจำเลยคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า เงินค่าจ้างทำของที่โจทก์เรียกร้องจากการงานที่ทำ โดยการยื่นหนังสือ บอกกล่าวตามเอกสารหมาย จ.6 เพียงฉบับเดียว ศาลฎีกา มีอำนาจใช้ดุลพินิจลดค่าจ้างดังกล่าวได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับ ผลงานที่ทำเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 170,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 68) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง ข้อที่ว่าศาลอุทธรณ์ควรใช้ดุลพินิจกำหนดค่าจ้างทำของให้ลดลงจากฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจลดค่าจ้างทำของลงจากจำนวนที่โจทก์ฟ้องเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง