แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายจำเลยทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 88)
คดีสืบเนื่องจากโจทก์จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยที่ 2 ตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 635/197 หมู่ที่ 1 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 2 ไร่ 10 ตารางวา ให้โจทก์และโจทก์จะชำระเงินค่าที่ดินให้จำเลยที่ 2 ตามราคาซื้อขายในสัญญาพิพาทเป็นจำนวนเงิน 666,000 บาท และค่าเสียหายอีกจำนวน 100,000บาท โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงจะไปทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวและชำระเงินพร้อมกันในวันที่ 20 ตุลาคม 2532 เวลา 11 นาฬิกา ณ สำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่หากโจทก์ไม่ไปรับโอนพร้อมกับชำระค่าที่ดินทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 2ตามกำหนดให้ถือว่าโจทก์ผิดนัด โจทก์จะไม่ติดใจฟ้องร้องใด ๆเกี่ยวกับจำเลยทั้งสองและที่ดินแปลงนี้อีกต่อไป และหากจำเลยไม่ไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกำหนด ยินยอมให้โจทก์ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาโอนของจำเลยทั้งสองแทนได้ (อันดับ 33 แผ่นที่ 7)ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีไปตามยอมแล้ว
ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำแถลงว่า โจทก์ไม่ไปยังสำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยรออยู่จนถึงเวลา 12 นาฬิกา เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจึงไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทดังกล่าวให้โจทก์ และขอให้แจ้งเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมงดเว้นจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ด้วย ศาลชั้นต้นสั่งว่าจัดการให้ แต่ในวันเดียวกันนั้นโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มอบหมายให้ทนายโจทก์ไปที่สำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมถึงเมื่อเวลา 10.45 นาฬิกา เพื่อแจ้งให้ทนายจำเลยทราบว่าโจทก์กำลังดำเนินการให้ธนาคารออกเช็คให้และจะเดินทางตามมาจนกระทั่งเมื่อเวลา 12.10 นาฬิกา โจทก์เดินทางมาถึงพร้อมทั้งเช็คและเงินสดเพื่อชำระให้จำเลย แต่จำเลยไม่ยอมดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมดำเนินการจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้โจทก์ ศาลชั้นต้นนัดสอบถามแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้ผิดนัด (อันดับ 42)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 81,82)
คำสั่ง
คำร้องของผู้ร้องพอแปลได้ว่า ผู้ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างฎีกา ให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ