คำสั่งคำร้องที่ 139/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา มีทางที่จะชนะคดี เนื่องจากจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกและในฐานะทายาทของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัสได้แสดงเจตนาจะขายที่ดินจำนวน 6 แปลง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ได้เท่านั้น การที่จำเลยที่ 6 จะขายที่ดินดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวย่อมโอนไปยังบุคคลภายนอก หากโจทก์ชนะคดีก็ไม่สามารถบังคับคดีเอาจากจำเลยที่ 6 ได้ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254,255 โปรดไต่สวนและมีคำสั่งอายัดที่ดินดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา ห้ามมิให้รับจดทะเบียนในการทำนิติกรรมใด ๆเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าว และห้ามจำเลยที่ 6 นำเอาที่ดินดังกล่าวไปกระทำนิติกรรม ไม่ว่าโดยการขาย จำหน่ายจ่ายโอน จำนอง ให้กับบุคคลอื่นจนกว่าศาลฎีกาจะได้พิพากษา
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 2,806,117.90 บาท ให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส กับจำเลยที่ 1 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 3,390,111บาท ให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส กับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 235,200 บาท ให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส กับจำเลยที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 760,345 บาทให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส กับจำเลยที่ 3 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,066,259 บาท ให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส กับจำเลยที่ 4ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 223,620 บาท ให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส กับจำเลยที่ 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 77,175 บาท ทั้งนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวมาแล้วตามลำดับ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงที่ 11 ในฐานะทายาทของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาและยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 456,466)
ศาลฎีกาสั่งว่า ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์เป็นการด่วนแล้วส่งศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อไป(อันดับ 474 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลฎีกาแล้ว มีคำสั่งให้ส่งถ้อยคำสำนวนสรรพเอกสารไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งโดยเร็ว (อันดับ 479)

คำสั่ง
พิเคราะห์ฎีกาของโจทก์และในโอกาสที่โจทก์ยื่นคำขอแล้วเห็นว่ามีเหตุสมควรและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอมาใช้ เนื่องจากได้ความตามทางไต่สวนจากพยานโจทก์ว่า จำเลยที่ 6ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัสตั้งใจจะโอน ขาย หรือจำหน่ายที่ดินทั้งหกแปลงตามคำขอของโจทก์ให้แก่ผู้อื่นเพื่อให้พ้นจากอำนาจศาล เพื่อขัดขวางต่อการบังคับซึ่งอาจจะบังคับเอาแก่จำเลยที่ 6 ได้ ปรากฏตามหนังสือของผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราถึงอธิบดีกรมตำรวจ แจ้งว่าจำเลยที่ 6ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัสประสงค์จะขายที่ดินดังกล่าวเพื่อรวบรวมเงินแบ่งแก่ทายาท(เอกสารหมาย จ.4) เป็นดังนี้ กรณีมีเหตุฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ประกอบด้วยมาตรา 267เห็นสมควรมีคำสั่งห้ามจำเลยที่ 6 ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของพันตำรวจเอกสุชาติภาณุจรัส ทำการโอน ขาย หรือจำหน่ายที่ดินดังกล่าวทั้งหกแปลง แจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบโดยด่วน

Share