แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา มีพยานหลักฐานที่จะชนะคดีได้ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 70 แผ่นที่ 2)คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 7ตำบลวังกะพี้ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ อ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และนางกุหลาบ คำทัด ซึ่งเป็นสามีภรรยากันโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 และนางกุหลาบคำทัด มีบุตรด้วยกัน 5 คน คือผู้ร้องกับพวก ต่อมาในปี 2508 จำเลยที่ 1 ได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากับนางกุหลาบ จำเลยที่ 1จึงได้ยกที่ดินส่วนของตนเองให้นางกุหลาบแต่ผู้เดียว ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 1 ในปี พ.ศ. 2524นางกุหลาบถึงแก่กรรม ที่ดินดังกล่าวจึงตกทอดแก่ทายาทของนางกุหลาบ คือผู้ร้องกับพวกรวม 5 คน จำเลยที่ 1 มิได้เป็นทายาทจึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท ขอให้ศาลได้สั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 65,68)
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า คำร้องของผู้ร้องพอแปลได้ว่า ผู้ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 เห็นสมควรให้งดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์พิพาทระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 56)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ให้งดการบังคับคดีไว้ในระหว่างฎีกาให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ