แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลแรงงานกลางที่ให้เลิกจ้างผู้คัดค้านในข้อ 2.2 ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเลิกจ้างผู้คัดค้านโดยอาศัยคำพิพากษาในคดีอาญาที่พิพากษาว่าผู้คัดค้านมีความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้ร้องบัดนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวโดยกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ ซึ่งมีผลผูกพันผู้ร้องที่เป็นโจทก์ร่วมด้วย ผู้คัดค้านจึงมิได้หมิ่นประมาทหรือกระทำความผิดอาญาต่อนายจ้าง จงใจให้นายจ้างเสียหาย หรือฝ่าฝืนข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงขออุทธรณ์เพิ่มเติมและขอส่งสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาของศาลฎีกา เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดรับไว้ด้วย
หมายเหตุ ผู้ร้องยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างนายธีระพงศ์มณฑาลพผู้คัดค้านที่1นายสมชายอิทธิฤกษ์ฤทธิ์ ผู้คัดค้านที่ 2 และนายมณฑล ศรีเสมอ ผู้คัดค้านที่ 4 กรรมการลูกจ้างได้ ฯลฯผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ (อันดับ 103)
ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง(อันดับ 104)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ยื่นคำแถลง (น่าจะทำเป็นคำร้อง)ขอระบุพยานซึ่งเป็นสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพิ่มเติม 1 อันดับตามบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 5 ลงวันที่ 29 กันยายน 2530พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 111,110)
คำสั่ง
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง