คำสั่งคำร้องที่ 1325/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องหรืออาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้น และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาข้อ 1,2 ยกเว้นข้อ 2 จ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ส่วนฎีกาในข้อ 2 จ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกาดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ทุกข้อ
โจทก์เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากนาพิพาทในฐานะที่จำเลยเป็นบริวารของนายธวัชแสงศรีจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเช่านาพิพาทจากโจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าช่วง จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเรื่องยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่ดินนั้น จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรค 2 และมิใช่คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในฐานะผู้เช่าที่ดิน อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องหรืออาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาในข้อ 2 จ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดี หากศาลวินิจฉัยในปัญหานี้แล้วทำให้โจทก์ชนะคดีจำเลยได้โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ชำระค่าคำร้องมา 200 บาท
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารหยุดทำนาและออกไปจากนาพิพาทโดยรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ ให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 151)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 154)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ข้อ 2 ก. ข. ค.ง.เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ส่วนฎีกาในข้อ 2 จ. เป็นการเถียงข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาแล้ว เพื่อสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาล โดยหักไว้เป็นค่าคำร้อง 40 บาท

Share