คำสั่งคำร้องที่ 1292/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึง ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อกฎหมาย นั้นเห็นว่าไม่เป็นสาระแก่คดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 15 ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 225,249จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า จำเลยถูกโจทก์ฟ้องคดีแรกเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.6664/2532 ของศาลอาญาในข้อเท็จจริงเดียวกันและกรรมเดียวกัน เมื่อคดีแรกศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา ยกฟ้องโจทก์โดยไม่มีฎีกา คดีจึงถึงที่สุด สิทธินำคดีอาญา มาฟ้องตามคดีนี้จึงระงับไปตามมาตรา 39(4)แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแก่คดีโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาตามรูปคดีต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 64 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 รวม 6 กระทง เรียงกระทงลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี รวมให้จำคุก 12 ปี แต่ความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษ จำคุกอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(1) คงลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 766,000 บาทแก่ผู้เสียหาย คำขออื่นให้ยก นับโทษของจำเลยต่อจาก โทษในคดีหมายเลขแดงที่ ช.6664/2532 ของศาลนี้ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 62 แผ่นที่ 3)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64 แผ่นที่ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.6664/2532 นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เพราะเหตุโจทก์บรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบ ความผิด ยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดเนื้อหาแห่งการกระทำความผิด ของจำเลย จะถือว่ามีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องเป็นผลให้สิทธินำคดีนี้มาฟ้องระงับไปหาได้ไม่ ฎีกาข้อกฎหมาย ของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share