แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ขอประกันขอใช้หลักทรัพย์ที่ได้ยื่นไว้เดิมเป็นหลักประกัน
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,8 ทวิ,55,72,72 ทวิ,78 ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เรียงกระทงลงโทษ ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในที่ชุมนุมชนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุก 2 ปีรวมจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี6 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 ประกอบด้วย มาตรา 72 วรรคสาม ที่แก้ไขแล้วกระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในที่ชุมนุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการรื่นเริงและการมหรสพโดยไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ที่แก้ไขแล้ว และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 72 ทวิ วรรคสองที่แก้ไขแล้วซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดอีกกระทงหนึ่ง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว โดยแถลงในคำร้องประกอบว่าประสงค์จะยื่นฎีกาต่อไป (อันดับ 30,29)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์โดยตีราคาประกัน 70,000 บาท (อันดับ 11)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และขณะนี้จำเลยยังมิได้ยื่นฎีกา ชั้นนี้จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างนี้ ให้ยกคำร้อง