แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ราคาทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อฎีกาของโจทก์เป็นการโต้เถียง ในการรับฟังพยานหลักฐาน อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม มิให้ฎีกา ส่วนที่โจทก์อ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้นก็มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้โจทก์
โจทก์เห็นว่า ที่ดินโฉนดพิพาทของจำเลยทั้งสองทับที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อที่ 2 ไร่ การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับโอนที่ดินที่ออกโฉนดทับที่ดินของโจทก์ และโจทก์มีคำขอให้ เพิกถอนนิติกรรมการโอนแล้วนั้น ปัญหาดังกล่าวนี้โจทก์ได้ว่ากล่าว ไว้ในคำขอท้ายฟ้องมาแต่ต้นแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาทำลายนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดที่ 24154 ของจำเลยที่ 1 ที่โอนทับที่ดินของโจทก์โฉนดที่ 720 ตำบลกุดนกเปล้า อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ที่นายห่วงต้อยเที่ยง โอนยกให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2530 และทำลายนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดที่ 24155 ที่นายห่วงโอนทับที่ดินของโจทก์โฉนดที่ 720 ตำบลกุดนกเปล้า อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรีเป็นเนื้อที่ 10 ตารางวา เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2530 ให้อยู่ในสภาพเดิม และขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินโฉนดที่ 720ห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวอีกต่อไปอีก
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีรับรองฎีกา ผู้พิพากษาสั่งว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะรับรองฎีกาให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 78,77)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินเลขที่ 24154 ให้แก่นายห่วงเมื่อปี 2530 ต่อมาภายหลังปรากฏว่าการออกโฉนดดังกล่าวทับโฉนดที่ดินเลขที่ 720 ของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ แต่นายห่วง บิดาจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองก่อนมีการออกโฉนดที่ดิน ในปี 2529 เสียอีก ครั้นเมื่อนายห่วง นำเจ้าพนักงานทำการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินโจทก์ก็ไม่คัดค้านกลับลงชื่อรับรองแนวเขต เมื่อจำเลยที่ 1 รับโอนที่พิพาทต่อจากนายห่วง จำเลยที่ 1 ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาท ออกโฉนดทับที่ดินของโจทก์ที่ดินพิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ ของโจทก์นั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวน ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาในศาลล่างไม่รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ส่วนการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยที่ 1 ยังมิได้ฟ้องเพิกถอนที่ดินของโจทก์ซึ่งที่ดินของจำเลยที่ 1 ทับอยู่ ที่ดินส่วนของจำเลยที่ 1 ส่วนที่ทับที่ดินโจทก์ไม่มีผลตามกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงตามศาลล่างที่ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน แต่ข้อเท็จจริง ตามที่โจทก์ฎีกานี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาเสียแล้ว การวินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ