แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ที่ 1 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว แต่โจทก์ที่ 2ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง (อันดับ 273)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 80,000 บาท ให้โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 25,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 105,000 บาทโดยนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนชำระหนี้เสร็จสิ้น กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 2,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นเป็นว่า ค่าขึ้นศาลให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แทนโจทก์เพียงเท่าจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 1,300 บาท และให้โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน700 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 264,263)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 2 ได้นำพันธบัตรรัฐบาล จำนวนเงิน 130,000 บาทมาวางเป็นหลักประกันต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 223,230)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยทั้งสองหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนถึงวันทราบคำสั่งนี้มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง