คำสั่งคำร้องที่ 1263/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฎีกาโจทก์ ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลได้ตรวจสำนวนเมื่อเจ้าหน้าที่ แจ้งผลการส่งหมายให้จำเลยทั้งสองอีกครั้งพบว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่ถึงสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลสั่งให้รับฎีกาโจทก์ซึ่งมีทุนทรัพย์เพียงหนึ่งแสนบาท เป็นการสั่งโดยผิดหลง และไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาอาศัยอำนาจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ให้เพิกถอน คำสั่งรับฎีกาโจทก์ และมีคำสั่งใหม่ว่า ไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า ทุนทรัพย์ในคดีนี้เกินสองแสนบาท เนื่องจากราคาที่ดินพิพาทในขณะนี้มีราคา 280,000 บาท ปรากฏหลักฐานตามหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินท้ายคำร้องนี้ และฎีกาของโจทก์ในเรื่องกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทเป็นฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 82)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองทำการแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 2052 ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตให้โจทก์กึ่งหนึ่ง หากไม่ดำเนินการขอให้ศาลมีคำสั่งยึดที่ดิน ดังกล่าวมาดำเนินการประมูลขายทอดตลาดเพื่อแบ่งทรัพย์ต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 74)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ราคาทรัพย์สินพิพาทที่คำนวณเป็นทุนทรัพย์ ในการใช้สิทธิฎีกาต้องเป็นราคาทรัพย์สินพิพาทที่กำหนดกันมา ในชั้นฟ้องคดีและยังพิพาทกันอยู่ มิใช่ราคาทรัพย์สินพิพาทที่สูงขึ้น หรือต่ำลงในขณะฎีกา คดีนี้ในชั้นฟ้องคดีราคาทรัพย์สินพิพาทมีจำนวน 100,000 บาท ราคาทรัพย์สินพิพาทในขณะฎีกาย่อมไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share