คำสั่งคำร้องที่ 1259/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วไม่เชื่อว่าโจทก์ยากจนจริง เห็นว่าโจทก์ยังพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้องของโจทก์เสียและให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 30 วัน
โจทก์เห็นว่า ตามทางไต่สวนโจทก์สามารถนำสืบได้ว่า ปัจจุบันฐานะของโจทก์ยากจนจริง คำสั่งของศาลภาษีอากรกลางที่ให้ยกคำร้องของโจทก์จึงขัดกับเหตุผลและข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก เพราะศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า โจทก์มีฐานะการเงินคือมีลูกหนี้ที่จะต้องชำระหนี้ให้โจทก์อยู่ ซึ่งการวินิจฉัยดังกล่าวเป็นเรื่องของอนาคต ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าโจทก์จะได้รับชำระหนี้หรือไม่และจะได้รับชำระจำนวนเท่าใด ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องคำนึงขณะนี้ก็คือฐานะของโจทก์ในปัจจุบันนั่นเอง โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 121)
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เฉพาะเงินเพิ่มสำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2516, ปี 2517 และปี 2518 โดยให้ลดเงินเพิ่มลงคงเหลือเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่โจทก์จะต้องรับผิดชำระให้จำเลยตามการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ101 แผ่นที่ 4 และที่ 2 กับอันดับ 116)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 117)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามทางไต่สวนปรากฏว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้อื่น เป็นเงินจำนวนมาก จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ให้ยกคำร้อง หากโจทก์ประสงค์ที่จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 1 เดือน นับแต่วันทราบคำสั่ง

Share