แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้ง สี่ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ด้วย จึงเป็นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาที่ตัดสินใจให้โจทก์ ชนะคดีตามทุนทรัพย์ที่มีในศาลชั้นอุทธรณ์ ที่จำเลยทั้งสี่ เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท จึงไม่ถูกต้องให้จำเลย ทั้งสี่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มให้ครบก่อนภายใน 7 วัน แต่จำเลยทั้งสี่ ไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่ รับฎีกาของจำเลยทั้งสี่
จำเลยทั้งสี่เห็นว่า คำฟ้องในคดีแพ่ง ศาลจะพิพากษาเกินคำขอไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับฎีกาของจำเลยทั้งสี่ข้อ 2.1 กล่าวในเชิงโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองแต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสี่ได้ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังนั้นแม้ศาลฎีกาจะเห็นด้วยก็พิพากษาให้ไม่ได้ ส่วนประเด็นเรื่องจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่เพียงใด ก็เป็นเพียงฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่รับผิด ต่อโจทก์เป็นจำนวนเงินลดน้อยลงกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา มิได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ชนะคดีโจทก์ จึงเป็นฎีกาคดีไม่มีทุนทรัพย์ การที่ศาลสั่งให้ชำระค่าขึ้นศาล ตามจำนวนทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์เสียก่อนจึงจะสั่งรับหรือไม่รับฎีกา นั้น จำเลยทั้งสี่ไม่เห็นพ้องด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ จำเลยทั้งสี่ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป และตามที่ศาลชั้นต้น สั่งให้จำเลยทั้งสี่นำค่าขึ้นศาลมาชำระให้ครบภายในกำหนด 7 วัน ศาลคงจะสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 233 จำเลยทั้งสี่จึงขอถือเอาประโยชน์ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดที่ผู้อุทธรณ์จะใช้สิทธิยื่นคำขอตามมาตรานี้ในวันที่ 14 มีนาคม 2537 การที่จำเลยทั้งสี่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งฉบับนี้ภายในกำหนด จึงเสมือนเป็นคำขอที่ร้องขอความกรุณาต่อศาลว่า หากศาลฎีกามีความเห็นเช่นเดียวกับคำสั่งของศาลชั้นต้น ก็โปรดกำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งสี่ชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 147)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 13,180,625.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้นในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4ร่วมรับผิดชำระหนี้จำนวน 10,000,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยแบบทบต้นตามประเพณีธนาคารพาณิชย์ในอัตราร้อยละ15 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2531 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2533ซึ่งเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้น ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2533 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระก็ให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 และที่ 4 ออกขายทอดตลาดเอาเงิน มาชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 และที่ 4 ใช้เงินส่วนที่ขาดอยู่ให้โจทก์จนครบถ้วน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกาและยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 138,141)
จำเลยทั้งสี่จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 143)
คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วย มาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลย