คำสั่งคำร้องที่ 1202/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการแก้ไขมาก จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และฎีกาในเรื่องรอการลงโทษเป็นปัญหาสำคัญอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7,48,73,74,74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 7,19,28 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 4 จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยรับโทษจำคุกมาก่อน และมีเหตุอันควรปราณี ให้จำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษ ไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ริบของกลาง จ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคแรก,73 วรรคสอง(2) ไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ ไม่จ่ายสินบนนำจับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 24) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 31)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษไม่ปรับ ไม่จ่ายสินบนนำจับเป็นการแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 219 จึงให้รับฎีกาของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share