แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ทุเลา การบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า อำนาจในการสั่ง คำร้องขอทุเลาการบังคับคดีนั้นเป็นอำนาจ ของแต่ละชั้นศาล เมื่อคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะฎีกา ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีได้ ไม่รับฎีกาคำสั่งของจำเลย
จำเลยเห็นว่า เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด จำเลยย่อมมีสิทธิตาม กฎหมายที่จะขอทุเลาการบังคับได้ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง เป็นประการใดจำเลยก็มีสิทธิที่จะฎีกาได้ทุกกรณี ไม่มีบทบัญญัติ แห่งกฎหมายใดระบุห้าม ทั้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไม่มีเหตุผลพอที่ ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย และอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี ในระหว่างอุทธรณ์ด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 5 แผ่นที่ 3)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายสิ่งของ และบริวารออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย ให้แก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 5,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้อง (16 สิงหาคม 2533) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะขน ย้ายสิ่งของ และบริวารออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์เสร็จ จำเลยอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ในระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า พิเคราะห์แล้ว คดีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 4)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คำสั่งของศาลในเรื่องทุเลาการบังคับเป็นอำนาจเฉพาะศาลเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งในเรื่องทุเลา การบังคับคดีอย่างใดแล้ว คู่ความจะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ อีกไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ